ประวัติ ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ
(โดย ท่านพระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน)
...........................................................................................................
ชีวประวัติและปฏิปทาคือ จริยธรรมของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ
ที่ท่านกำลังอ่านอยู่ขณะนี้ ผู้เขียน (ท่านอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน)
ได้พยายามเสาะแสวงหามารวบรวม ตามกำลังความสามารถ
จากพระอาจารย์หลายท่านที่เคยเป็นศิษย์อยู่ ศึกษาอบรมกับท่านมาเป็นยุคๆ จนถึงวาระสุดท้าย แต่คง
ไม่ถูกต้องแม่นยำตามประสงค์เท่าไรนัก เพราะท่านที่จดจำมาและผู้รวบรวมคงไม่อาจรู้และ
จำได้ทุกประโยค และทุกกาลสถานที่ที่ท่านเที่ยวจาริกบำเพ็ญและแสดงให้ฟังในที่ต่างๆ กัน
ถ้าจะรอให้จำได้หมดทุกแง่ทุกกระทงถึงจะนำมาลงก็นับวันจะลบเลือนและหลงลือไปหมด คงไม่มี
หวังได้นำมาลงให้ท่านผู้สนใจ ได้อ่านพอเป็นคติแก่อนุชนรุ่งหลังอย่างแน่นอน
ดังนั้นแม่เป็นประวัติที่ไม่สมบูรณ์ทำนองล้มลุกคลุกคลาน ก็หวังว่าจะเกิดประโยชน์
อยู่บ้าง การเขียนประวัติและจริยธรรมของท่านทั้งภายนอกที่แสดงออกทางกายวาจาและภายใน
ที่ท่านรู้เห็นเฉพาะใจแล้วแสดงให้ฟังนั้น จะเขียนเป็นทำนองเกจิอาจารย์ที่เขียนประวัติของ
พระสาวกทั้งหลายดังที่ได้เห็นในตำราซึ่งแสดงไว้ต่างๆ กัน เพื่ออนุชนรุ่นหลังจะได้เห็นร่องรอย
ที่ธรรมแสดงผลแก่ท่านผู้สนใจ ปฏิบัติตามมาเป็นยุคๆ จนถึงสมัยปัจจุบัน หากไม่สมควรประการใด
แม้จะเป็นความจริงดังที่ได้ยินได้ฟังจากท่าน แต่ก็หวังว่าคงได้รับอภัยจากท่านผู้อ่านทั้งหลาย
เนื่องจากเจตนาที่มีต่อท่านผู้สนใจในธรรมอาจได้คติข้อคิดบ้าง จึงได้ตัดสินใจเขียน ทั้งๆ ที่
ไม่สะดวกใจนัก
ท่านพระอาจารย์มั่นภูริทัตตเถระ เป็นอาจารย์ทางวิปัสสนา ซึ่งควรได้รับยกย่อง
สรรเสริญอย่างยิ่งจากบรรดาศิษย์ผู้อยู่ใกล้ชิดท่าน ว่าเป็นอาจารย์วิปัสสนาชั้นเยี่ยมในสมัยปัจจุบัน
จากเนื้อธรรมที่ท่านแสดงออกซึ่งเป็นธรรมชั้นสูง ผู้ที่อยู่ใกล้ชิด ได้มีโอกาสฟังอย่างถึงใจตลอดมา
ทำให้ปราศจากความสงสัยในองค์ท่านว่าสมควรตั้งอยู่ในภูมิธรรมขั้นใด ท่านมีคนเคารพนับถือมาก
ทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์ในภาคต่างๆ เกือบทั่วประเทศไทย นอกจากนั้น ท่านยังมีสานุศิษย์
ทั้งนักบวชและฆราวาสในประเทศลาวอีกมากมาย ที่เคารพเลื่อมใสท่านอย่างถึงใจตลอดมา
ท่านมีประวัติงดงามมาก ทั้งเวลาเป็นคฤหัสถ์ และทรงเพศ เป็นนักบวชตลอดอวสานสุดท้าย
ไม่มีความด่างพร้อยเลย ซึ่งเป็นประวัติที่หาได้ยากในสมัยปัจจุบัน ความเป็นผู้มีประวัติอันงดงาม
ตลอดสายนี้ รู้สึกจากหายากยิ่งกว่าหาเพชรหาพลอยเป็นไหนๆ
ท่านเกิดในสกุลแก่นแก้ว โดยนายคำด้วงเป็นบิดา และนางจันทร์เป็นมารดา
นับถือพระพุทธศาสนาประจำสกุลตลอดมา เกิดวันพฤหัสบดี เดือนยี่ ปีมะแม วันที่ ๒๐ มกราคม พุทธศักราช ๒๔๑๓
ที่บ้านคำบง ตำบลโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี มีพี่น้อยร่วมท้องกัน ๙ คน
แต่เวลาท่านมรณภาพปรากฏว่ายังเหลือเพียง ๒ คน ท่านเป็นคนหัวปี มีร่างเล็ก ผิวขาวแดง
มีความเข้มแข็ง ว่องไว ประจำนิสัย มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดมาแต่เล็ก พออายุได้ ๑๕ ปี ได้บรรพชาเป็น
สามเณรอยู่ในสำนักวัดคำบง มีความสนใจและรักชอบในการศึกษาธัมมะ เรียนสูตรต่างๆ
ในสำนักอาจารย์ได้อย่างรวดเร็ว มีความประพฤติและอัธยาศัยเรียบร้อย ไม่เป็นที่หนักใจ
หมู่คณะและและครูอาจารย์ที่ให้ความอนุเคราะห์
เมื่อบวชได้ ๒ ปี ท่านจำต้องศึกออกไปตามคำของร้องของบิดาที่มีความจำเป็นต่อท่าน
แม้สึกออกไปแล้วท่านก็ยังมีความมั่นใจที่จะบวชอีก เพราะมีความรักในเพศนักบวชมาประจำนิสัย
เวลาสึกออกไปเป็นฆราวาสแล้วใจท่านยังประหวัดถึงเพศนักบวชมิได้หลงลืม และจืดจางทั้งยัง
ปักใจว่าจะกลับมาบวชอีกในไม่ช้า ทั้งนี้ ท่านอจจะเป็นเพราะอำนาจศรัทธาที่มีกำลังแรงกล้าประจำนิสัยดั้งเดิมก็เป็นได้
พออายุได้ ๒๒ ปี ท่านมีศรัทธาอยากบวชเป็นกำลัง จึงได้บาลิดามารดา ท่านทั้งสองก็อนุญาตตามใจไม่ขัดศรัทธา
เพราะมีความประสงค์จะให้ลูกของตนบวชอยู่แล้ว พร้อมทั้งมีศรัทธา
จัดแจงบริขารในการบวชให้ลูกอย่างสมบูรณ์ ท่านได้เข้าอุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดเลียบ
ในตัวเมืองอุบล มีท่านพระอริยกวีเป็นพระอุปปัชฌาย์ // ท่านพระครูสีทา เป็นพระกรรมวาจารย์
// ท่านพระครูประจักษ์อุบลคุณเป็นพระอนุสาวนาจารย์ // เมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๓๖
พระอุปัชฌายะให้นามฉายาว่า ภูริทัตโต เมื่ออุปสมบทแล้วได้มาอยู่ในสำนักวิปัสสนา
กับท่านพระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล วัดเลียบ เมืองอุบล
......................................................
เกิดสุบินนิมิต
......................................................
( รออ่าน ต่อไปจะทยอยพิมพ์มาเรื่อยๆนะครับ)