สหายหญิงของนางวิสาขาผลแห่งการอนุโมทนาการสร้างพระวิหาร
นางวิสาขาลืมเครื่องประดับขายและรับซื้อไว้เอง...
สร้างบุพพารามปราสาทถวายสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าทรงเป็นประมุข
ครั้งหนึ่ง นางวิสาขามหาอุบาสิการสวมใส่เครื่องประดับชื่อ มหาลดาประสาธน์ ไปร่วมงานมหรสพ
ที่มีผู้เชิญไปขากลับนางจะเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าในพระเชตวันวิหาร จึงถอดเครื่องประดับนั้นออก
แล้วให้คนรับใช้ห่อด้วยผ้ารักษาไว้ ครั้นฟังธรรมจบ เดินออกมานอกพระวิหารแล้ว หญิงรับใช้ลืม
หยิบห่อเครื่องประดับนั้นออกมาด้วย
ระหว่างท่านอานนท์ได้มาพบห่อผ้า เมื่อแกะออกดู เห็นว่าเป็นเครื่องประดับของสตรี จึงกราบทูล
ถามว่าจะทำอย่างไร? พระพุทะเจ้าตรัสให้นำไปเก็บไว้ข้างบันได หญิงรับใช้นึกขก้นมาได้ว่าลืม
เครื่องประดับไว้ในวิหารฟังธรรม จึงบอกแก่นายหญิงนางวิสาขาสั่ง ว่า "จงไปนำมา แต่ถ้าพระคุณ
เจ้านำไปเก็บแล้ว เจ้าก็อย่าได้นำกลับมา เราจะบริจากทวายเลย"
หญิงรับใช้เข้าไปในพระวิหารพบกับพระอานนท์พอดี ท่านถามว่า "มีธุระอะไรหรือ?" นางตอบว่า
"ดิฉันลืมเครื่องประดับของนางวิสาขา จึงมาเพื่อจะนำไปให้แม่เจ้า เจ้าข้า" พระเถระกล่าวว่า
"เรา นำไปเก็บไว้ที่ข้างบันไดดนั่นเธอจงนำไปเถิด" นางฟังแล้วคิดว่า "แม่เจ้าสั่งว่า ถ้าพระคุณ
เจ้าจับต้องแล้วก็ไม่ต้องนำกลับไป" จึงขอไปบอกแก่นางวิสาขาก่อน
นางวิสาขาฟังความแล้วกล่าวว่า "เราจะไม่ใช้เครื่องประดับที่พระคุณเจ้าจับต้องด้วยมือแล้ว
เราบริจากแล้ว แต่การเก็บรักษาจะทำให้ท่านยุ่งยาก เราจะขายเครื่องประดับนั้น แล้วทำสิ่งที่
สมควรแก่สมณะเจ้าจงไปนำเครื่องประดับมา"
หลังจากนั้น นางไก้เชิญช่างทองมาตีราคา พวกช่างทองคำตีราคาได้ ๖ โกฏิ บวกค่ากำเหน็ด
อีก ๑ แสนนางวิสาขาประกาศขายเครื่องประดับนั้น แต่ไม่มีใครมีกำลังจะซื้อได้นางจึงซื้อไว้เอง
ใน ราคา ๙ โกฏิ (เพิ่มอีก ๓ โกฏิ บางแห่งว่า ๙ โกฏิ ๗ พัน) จากนั้นให้คนนำเงินมาใส่เกวียน
บรรทุก ไปยังวิหาร เข้าเฝ้าถวายบังคมพระพุทธเจ้าแล้วกราบทูลความเป็นมาของเรื่องทั้งหมด
และทูลถาม ว่า "หม่อมฉันควรจะนำสิ่งใดในปัจจัย ๔ มาถวายดีพระพุทธเจ้าข้า?"
พระพุทธเจ้าตรัสแนะว่า "วิสาขา ท่านควรสร้างเสนาสนะเพื่อสงฆ์ สร้างใกล้ประตู เมืองสาวัตถี
ด้าน ทิศปราจีน (ตะวันออก) เถิด" นางรับพระพุทธดำรัสแล้ว จ่ายเงินซื้อที่ดิน ๙ โกฏิ (ไม่ระบุ
ซื้อจากใคร) จ่ายอีก๙ โกฏิ เพื่อสร้างวิหาร พระพุทธเจ้าตรัสอนุญาตให้พระมหาโมคคัลลานะ
เป็นผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบรรพชิตใช้เววลาก่อสร้างนาน ๙ เดือน รูปแบบการสร้างเป็นแบบปรา
สาท ๒ ชั้น ๆ ละ ๕๐๐ห้อง รวม ๑,๐๐๐ ห้องดังที่อรรถกถาอธิบายลักษณะปราสาทและบริเวณไว้ว่า
"นางวิสาขาสละเครื่องประดับนั้นซึ่งมีราคาถึง ๙ โกฏิ ๗,๐๐๐ กหาปณะ ให้สร้างปราสาทหลังใหญ่
มีพระมหาโมคคัลลานเถระเป็นผู้ควบคุมการก่อสร้าง สมควรเป็นที่ประทับของพระผู้มีพระภาคเจ้า
และเป็นที่อยู่ของภิกษุสงฆ์ ประกอบด้วยห้อง ๑,๐๐๐ ห้อง คือ ชั้นล่าง ๕๐๐ ชั้นบน ๕๐๐ ห้อง
เป็นดุจเทพวิมาน...และให้สร้างมณฑปและจงกลมเป็นต้น เป็นบริวารของปราสาทนั้น ใช้เวลา ๙
เดือน จึงสร้างวิหารเสร็จ, เมื่อสร้างวิหารสำเร็จแล้ว นางวิสาขาใช้เงินฉลองวิหารถึง ๙ โกฏิ"
(ดู วิมาน.อ.๓๓๑-๒)
นางวิสาขาแบ่งส่วนบุญให้เพื่อน...
เพื่อนคนหนึ่งร่วมอนุโมทนา ด้วยจิตบริสุทธิ์ ตายแล้วเกิดเป็นเทพทิดา
นางวิสาขาพร้อมด้วยหญิงผู้เป็นสหายประมาณ ๕๐๐ คน เดินชมปราสาท นางปลื้มใจกล่าวกับ
เพื่อนๆ ว่า "ปราสาทหลังนี้งดงามมาก เราขอให้ส่วนบุญในการสร้างครั้งนี้แก่พวกเธอนะ ขอพวก
เธอจงอนุโมทนาบุญที่เราสำเร็จแล้วด้วยเถิด" เพื่อนเหล่านั้นมีใจเลื่อมใส กล่าวอนุดมทนาว่า
"ดีจริง ดีจริง"
อุบาสิกาที่เป็นสหายคนหนึ่ง (ในจำนวน ๕๐๐ นั้น) มีใจอนุโมทนาส่วนบุญมากนางมีจิตร่วมยินดี
ปรีดาด้วยเนือง ๆ ต่อมาไม่นาน นางสิ้นชิวิตแล้วเกิดในสวรรค์ดาวดึงส์ (ด้วยกำลังแห่งกุศลกรรม
คือปัตตานุโมทนา ได้แก่ บุญสำเร็จด้วยการอนุโมทนาส่วนบุญหรือบุญจากความยินดีในการทำดี
ของผู้อื่น) ทิพยสมบัติของนางคือ วิมารหลังใหญ่ ยาว กว้าง และสูง ๑๖ โยชน์ ประกอบด้วยเรือน
ยอด กำแพง อุทยาน และสระโบกขรณีส่องแสงสว่างไปรอบ ๆ ๑๐๐ โยชน์
ยามเทพธิดาจะไปแห่งใด ก็ไปด้วยวิมานพร้อมด้วยเหล่านางเทพอัปสรทั้งหมด
บุญ คือการอนุโมทนา ทำให้เกิดในสวรรค์ได้...
นางวิสาขามหาอุบาสิกาเกิดเป็นเทพทิดาในสวรรค์นิมมานรดี
สมัยหนึ่ง พระอนุรุทธะจาริกมาในเทวโลกดาวดึงส์ ได้พบกับเทพธิดานี้ ท่านจึงถามถึงกรรมที่
เคยทำไว้อันเป็นเหตุให้ได้ทิพสมบัติเช่นนี้? เทพธิดาจึงกล่าวมาว่ามาจากกุศลกรรมที่เลื่อมใส
แล้วอนุโมทนาการสร้างมหาวิหารของนางวิสาขามหาอุบาสิกา
"ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ วิสาขามหาอุบาสิกาเพื่อนของดิฉันอยู่ในกรุงสาวัตถี ได้สร้างมหาวิหาร
ถวายสงฆ์ ดิฉันเป็นปราสาทขนาด ๑,๐๐๐ ห้อง และการบริจากทรัพย์อุทิศสงฆ์ เป็นที่พึงพอใจ
มาก ดิฉันจังเลื่อมใสแล้วอนุโมทนาในบุญนั้น ทำให้ได้วิมานอันอัศจรรย์ น่าทัศนา, ด้วยการ
อนุโมทนาอันบริสุทธิ์นั้นเอง...
วิมานนี้มีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ น่าอัศจรรย์จิต น่าทัศนาเช่นนี้ บังเกิดเพราะกุศลกรรมของดิฉัน,
สาธุชนจึงสมควรแท้ที่จริงจะทำบุญไว้"
พระเถระถามถึงที่เกิดของนางวิสาขา (พระอนุรุทธะท่องมาสวรรค์ครั้งนี้ หลังนางวิสาขาเสียชีวิตแล้ว
แม้ท่านจะรู้ที่เกิดของวิสาขา แต่ต้องทำให้เทพธิดานี้พูด) ว่า "ท่านได้วิมานที่น่าอัศจรรย์ น่าทัษนา
ด้วยการอนุโมทนาอย่างบริสุทธิ์ (ปราศจากมายา) อย่างเดียวแท้ ๆ ท่านจงบอกคติของนางวิสาขา
นารีใด (=วิสาขามหาอุบกสิกา) ผู้ที่ได้ถวายทาน (วิหารทาน) นั้น บัดนี้นางเกิดอยู่ที่ใด?"
เทพธิดาตอบว่า
"ข้าแต่พระพุทธเจ้าผู้เจริญ วิสาขามหาอุบาสิกาสหายของดิฉันนั้น ได้สร้างมหาวิหารถวายสงฆ์เธอ
รู้แจ้งธรรม (=รู้แจ้งอริยะสัจ ๔) ได้ถวายทาน นางเกิดแล้วในสวรรค์ชั้นนิมมานรดี นางเป็นปชาบดี
ของท้าวสุนิมมิตะนั้น วิบาก (ผล) แห่งกรรมของนางวิสาขามหาอุบาสิกานั้น อันใคร ๆ ไม่ควรคิด"
จากนั้น นางเทพธิดากล่าวขอให้พนะเถระ ช่วยสอนชักชวนให้พวกมนุษย์ฟังธรรมถวายทานด้วย
"ถ้าอย่างนั้น ขอพระคุณเจ้าโปรดชักชวนคนอื่น ๆ ว่า พวกท่านจงปราโมทย์ในการถวายทานแด่สงฆ์
เถิด และจงมีใจเลื่อมใส ฟังธรรม, การได้เป็นมนุษย์เป็นการได้แสนยากพวกท่านก็ได้แล้ว
พระพุทธเจ้าผู้ทรงมีพระสุรเสียงดั่งพรหม มีพระฉวีวรรณดั่งทองคำ ทรงเป็นใหญแห่งมรรคา (ข้อปฏิบัติ)
ได้ทรงแสดงมรรคใดไว้ ท่านทั้งหลาย จงปลื้มใจถวายทานแด่สงฆ์อันเป็นเขตที่ทักษิณามีผลมากเถิด...
มนุษย์ผู้มุ่งบุญให้ทานอยู่ เป็นบุญเพื่อเป็นประโยชน์ในสังสารวัฏ พึงรู้เถิดว่าทานที่ถวายในสงฆ์ ย่อมมี
ผลมากด้วยว่า พระสงฆ์นี้เป็นผู้มีคูณยิ่งใหญ่ไพศาล ประมาณไม่ได้ว่าเท่านั้นเท่านี้ เหมือนน้ำในมหาสมุทร
ยากที่จะคาดคะเนว่ามีอยู่เท่านั้นเท่านี้... ชนทั้งหลายเหล่าใด ถวายทานอุทิศสงฆ์ ทักษณา (การให้) ของ
ชนเหล่านั้น ชื่อว่าทักษิณาที่ถวายดีแล้ว เช่น สรวงดีแล้ว บูชาดีแล้ว ทักษิณาที่ประดิษฐานไว้ในสงฆ์มีผล
มากอันพระผู้รู้แจ้งโลก(=พระพุทธเจ้า) ทรงสรรเสริญ แล้ว..."
.........................................................................................
คัดลอกมาจาก
หนังสือเรื่องนิทานบำเพ็ญบุญ๑๐๐เรื่อง
ท่านสามารถดูรายละเอียดหนังสือเล่มนี้//สั่งซื้อได้ที่
http://www.trilakbooks.com/product/1686468/นิทานบำเพ็ญบุญ100เรื่อง.html