พระภาวนาวิสุทธิคุณ
...หลักพระอภิธรรม 7 พระคัมภีร์บอกไว้ว่า เจตนาหัง ภิกขเว กัมมัง วทามิ เจตนาเป็นตัวกรรม ถ้าไม่เจตนาเป็นกิริยา
ยกตัวอย่างโยมมารักษาศีลกัน จะรู้อย่างไรว่าศีลขาดตอบได้อย่างเดียวคือ เจตนา ถ้าไม่เจตนา ศีลไม่ขาดหรอก ยกตัวอย่างโยมเดินออกไป มีผ้าคลุมแมวอยู่ ก็ไม่ทราบนึกว่าผ้าเช็ดเท้าก็ไปเหยียบผ้าเข้า ถูกลูกแมว พอเปิดผ้าออกมา ตาย เหยียบเสียเละแล้ว ศีลขาดไหม ไม่ขาด แต่ใจเศร้าหมอง พิโธ่เอ๋ย ไม่น่าจะมาขวางพระบาทาเลย ตายแล้ว ศีลไม่ขาด แต่ด่างพร้อย ใจเศร้าหมองเป็นกิริยา
แต่หากเราสร้างความดี 80 เปอร์เซ็นต์ ต้องใช้โดยมารยาทหลักพระอภิธรรมอธิบายไว้ไม่ละเอียด ต้องอาศัยประสบการณ์
โดยกิริยาต้องใช้ หมายความว่าอย่างไร ยกตัวอย่างอาตมาไปร้านโยมขายแก้ว อาตมาก็ไปเลือกแก้ว โดยไม่เจตนาแก้วลื่นเจตมือแตกเพล้ง!
แตกแล้ว อาตมาต้องถามโยมแม่ค้าว่า
"แก้วใบละเท่าไรจ๊ะ"
"ใบละ 2 บาทค่ะ"
เอาไปเลย 2 บาท" อ๋อไม่เป็นไร ท่านมีบุญคุณกับดิฉันหลวงพ่อเจ้าคะ แค่ 2 บาทเท่านั้น" เรียกว่าอโหสิกรรม ไม่ต้องใช้เข้าใจไหมนี่
แต่ถ้าโยมกับอาตมาไม่รู้จักกันเลย ไม่เคยสร้างความดีต่อกันเลย ก็ต้องใช้ตามระเบียบ 2 บาท นี่เป็นกิริยาต้องใช้นะ
บางทีพระอาจารย์อธิบายไม่ถูก โอ๊ยไม่ต้องใช้ ยกตัวอย่างอาตมาสร้างความดีกระทุ้งพื้นหอประชุม ตอนนั้นยังไม่มีหลังคาไม่มีฝา อยู่ริมตรงข้างทาง จะเลิกกระทุ้ง มองดูแล้วไม่มีอะไรขวางก็เหวี่ยงขอนไม้ออกไป เพื่อกองรวมกันไว้
พอดีมีสุนัขบ้านวิ่งมาจากไหนไม่ทราบ ขอนไม้ชนจมูกอย่างแรง เลือดพุ่งฉูดเลย อย่างนี้เป็นกิริยาเพราะไม่ได้เจตนาสุนัขตัวนี้วิ่งมาโดยบังเอิญ เราไม่ได้เลี้ยงมันนะ ถ้าเลี้ยงมันอาจจะอโหสิกรรมให้เราก็ได้
อาตมาเคยไปเอารางจืดอยู่ที่หลังกุฏิอาตมา มาโขลกกับน้ำซาวข้าว กรอกเข้าไปในปากสุนัข ปรากฏว่าสุนัขฟื้น ลุกวิ่งได้เลย
อยู่ต่อมาได้เดือนเดียว อาตมาไปพูดที่ศาลาประชาคมลพบุรี ตอนเพลไปฉันที่บ้านนายอำเภอ ฉันเสร็จแล้วก็ไปดูวัดสร้างใหม่ ที่เมืองใหม่
มีเต็นท์อยู่ คนฟังประมาณ 100 คน อาตมาก็ไปนั่งที่กุฏิสมภาร มีสมภารนั่งอยู่ก่อนแล้ว พอดีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น สมภารก็ลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์ในกุฏิ
พออาตมาไปถึง สมภารลุกไปเท่านั้นแหละ ลมเกย์มาเลยแปลเป็นภาษาไทยว่า ลมแดง ภาษาชาวบ้านเรียกว่า ลมบ้าหมูหมุนจนเต็นท์พังหมด คนทั้ง 100 คน ไม่เป็นอะไร แต่ลมพัดไม้แปซึ่งแหลมพอดีเลย มาทิ่มที่จมูกอาตมาคนเดียว
ถ้าสมภารนั่งอยู่ด้วยกัน ต้องตายก่อน เพราะอยู่ข้างหน้าพอโดนจมูกอาตมาเลือดพุ่งแล้ว ลมบ้าหมูหายไปเลย ไม่มีอีกเลยเห็นไหมนี่ กฎแห่งกรรม โดยกิริยาต้องใช้อย่างนี้
ถ้าหากว่าเราไม่สร้างความดีเลยนะ ยังไม่รับใช้ ไปใช้ชาติหน้าเลย ขอฝากไว้ด้วย ความดีจะมีอุปสรรคถ้าเราสร้างความดีต้องมีคนด่า คนว่า ต้องทนต่อไป
พระเอกในเรื่องหนังละครต้องลำบากอย่างนี้แหละ ถ้าใครชอบสบาย ไม่ใช่พระเอกนางเอกใช้ไม่ได้ เป็นตัวเบ็ดเตล็ด เป็นตัวหางเครื่อง อันนี้เข้าใจนะ
อาตมาก็เลือดไหลไปเลย พวกโยมรีบลุกจะมาพยุง อาตมาบอก"ไม่ต้อง เรื่องเล็ก" เลยเล่าให้สมภารฟัง คนที่นั่นนั่งฟังไปด้วยบรรยายธรรมะเรื่องกฎแห่งกรรมให้ฟัง
ที่ศาลาประชาคม เขาให้พูดเรื่อง ความสามัคคี เลือดยังอยู่เต็มที่จมูกอาตมา หมอเข้ามาจะเช็ดให้ อาตมาบอกไม่ต้อง เดี๋ยวจะเอาไว้เป็นพยาน แว่นกระเด็นไป แต่ไม่มีกฎแห่งกรรมเรื่องแว่นแว่นเลยไม่แตก เพราะเราเหวี่ยงขอนไม้ไป สุนัขไม่มีส่วน ถ้าสุนัขมีแว่น แว่นเราก็ต้องแตก เห็นชัดไหมนี่
อาตมาไปพูด นายกเทศมนตรีถามว่า หลวงพ่อที่จมูกมีเลือด เป็นอะไรน่ะ อาตมาบอก เฉย ๆ เดี๋ยวรู้ เลยพูด 1 ชั่วโมงจบรายการ ว่าเป็นกฎแห่งกรรมของเรา
อยู่มาไม่ช้าเป็นกิริยาอีก เมื่อปีนี้เอง ปี 2532 อาตมาพูดจากหอประชุมเสร็จแล้วก็ไปที่กุฏิชั้นบน ตี 2 แล้ว ไม่มีใครเดินแล้วอาตมาเทน้ำร้อนจากกระติกใส่ขัน สาดลงทางหน้าต่าง
แมววิ่งมาพอดีเลย โดนแมวร้องแป๊ว ตายหรือเปล่าก็ไม่ทราบ
อยู่ต่อมาไม่พอเดือนนะ กระติกที่มีเกลียวมันระเบิด น้ำลวกตรงหน้าขาอาตมาเลย กำลังห่มผ้าอย่างนี้ ไม่รู้จักร้อน พอเลิกผ้าออกมาหน่อยเท่านั้น หนังลอกออกลึกพอสมควร แต่หายแล้วไม่ต้องดูนะอยู่ในผ้า ถ้าไม่เชื่อจะเปิดให้ดูลึกเลย จริง ๆ นะ
นี่แหละ เจตนาหัง ภิกขเว กัมมัง วทามิ เจตนาเป็นตัวกรรมไม่ได้เจตนาเป็นตัวกิริยา แต่สร้างความดี ต้องใช้ไปเลย ชาติหน้าไม่ต้องไปใช้หนี้
ถ้าคนสร้างความดีมาก ต้องรีบใช้ในชาตินี้ถ้าคนสร้างความดีแต่ยังไม่ละความชั่ว ยังใช้หนี้ชาตินี้ไม่ได้ รวมทั้งดอกทั้งต้นไปใช้ในนรกโน่น
ใช้ชาตินี้ ชาติหน้าจะได้ไม่ต้องมีกรรม จะไม่ดีกว่าหรือขอฝากไว้ด้วย