"แม่ไม่รักผม"
เรื่อง โดย แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต
.............................................
วันนี้ศูนย์หนังสือพระพุทธศาสนาไตรลักษณ์ แหล่งเผยแพร่หนังสือธรรมะและบทความดีๆ จากทั่วทุกสารทิศก็จะขอหยิบยกบทความธรรมะดีๆมาเสนอกันเช่นเคยครับ
.............................................
วันก่อน มีคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวคนหนึ่ง เข้ามาขอคำปรึกษาจากข้าพเจ้า ในเรื่องความรัก เธอเล่าให้ฟังว่า มีลูกเพียงคนเดียว
และรักเขาอย่างแก้วตาดวงใจ
ทำทุกอย่างเท่าที่แม่คหนึ่งจะทำให้ได้เพื่อให้ลูกมีชีิวตที่ดีที่สุด
สุขสบายที่สุด และสมบูรณ์ที่สุด เธอทำงานอย่างหนักทุกวัน วันหยุดวันพักผ่อนแทบไม่เคยรู้จัก
อาทิจตย์หนึ่ง ได้คุยกับลูกไม่กี่ประโยค
เพื่อเก็บเงินให้ไว้เป็นค่าเล่าเรียนและค่า (ซื้อ) ความสุขความสะดวกสบายของลูก
เพื่อนๆของลูกมีอะไรพยายามหามาให้เพื่อให้ลูกมีเหมือนเพื่อนๆ
แต่ปัญหาก็คือ คุรแม่คนนี้ ไม่รู้จักวิธีที่จะแสดงออกถึงความรักในแบบอื่นๆ นอกเหนือไปจากการทำงาน
และหาข้าวของดีๆ มาให้ลูกใช้สอย ซึ่งการไม่แสดงออกนี้เอง ที่ทำให้เกิดปัญหา เพราะในการมีปากเสียงกันครั้งล่าสุด
ลูกชายของเธอ ตะโกนเสียงดังว่า
"แม่ไม่รักผม" ... คนเป็นแม่หมด่แรงลงทันที และคิดทันทีว่า
ทุกวันนี้ต้องทำงานทุกอย่าง อย่างหนัก ยังไม่พอที่จะทำให้ลูกเข้าใจใจความรักอีกหรือ
การไม่เคยเข้าไปวุ่นวายในชีวิตของลูก ไม่เคยขัดใจลูกเลย ลูกยังไม่พอใจอีกหรือ ยังว่า แม่ไม่รักอีกหรือ
คำถามของเธอในบ่ายวันนั้น คือ เธออยากรู้ว่าจะต้องทำอย่างไร ลูกจึงจะรู้ว่าเธอรักและห่วงเขามากกว่าใครในโลก
"ทำอย่างไรให้ลูกรู้ว่ารัก" เป็นคำถามที่ดีค่ะ สำหรับคำตอบ เอาเข้าจริงก็เหมือนกับกำปั้นทุบดิน
คือถ้าอยากให้ลูกรู้ต้องบอกให้ลูกฟัง และแสดงออกให้ลูกเห็น แม้จะไม่ชิน ก็ต้องหัดทำ
เพราะถ้าไม่ทำ ก็จะแก้ปัญหานี้ไม่ได้ ข้าพเจ้าจึงตอบเธอว่า
คุณแม่ต้งอทำทุกอย่าง อาจเริ่มตั้งแต่ การสบสายตากับลูก การสัมผัส การกอด หอม ไปจนถึงการใช้เวลา ที่สร้างสรรค์ในบ้าน ซึ่งทั้หงหมดนั้น
นับได้ว่า เป็นศิลปะ ทั้งสิ้น
การได้กอดกัน หอมกัน ได้เดินเล่นด้วยกันบ้าง ได้รับประทานอาหารด้วยกันบ้าง จะทำให้เด็กสัมผัสความอบอุ่นทั้งทางกายและทางใจ ซึ่งจะทำให้เด็ก
พร้อมที่จะใช้ชีวิตอย่างคนที่ไม่เหงา
การได้พูดคุยกันบ่อยๆ จะทำให้ได้รับรู้เรื่องราวความเป็นไปของทั้แม่และลูก ได้แลกเปลี่ยน ได้ปรึกษาซึ่งกันและกัน ทำให้ลูกรับรู้ว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาจะมีแม่อยู่เคียงข้างเขาตลอดเวลา
การปล่อยให้ลูกชายเข้าใจทุอย่าง โดยที่แม่ไม่เคยสื่อสารเลย
บางทีเด็กอาจจะไม่มีวุฒิภาวะขนาดนั้น การสื่อสารจึงเป็นเรื่องสำคัญ และที่สำคัญยิ่งกว่า ก์คือ การสื่อสารกันด้วยสัมมาวาจา พูดคุยกันดีๆ
ด้วยเหตุผล ด้วยความรัก อย่าใช้อารมณ์
สำหรับคุณแม่คนนี้ ประเด็นที่น่าหวงใยคือ การเข้าใจผิดว่า
การให้วัตถุ คือการแสดงความรัก
การที่แม่สนับสนุนให้ลูกมี ลูกเป็น เหมือนที่เพื่อนเขามีหรือ
เป็นนั้น...
วันนี้ คนที่จะเหนื่อยอย่างสาหัสคือตัวแม่เอง
และวันหน้า คนที่จะดำเนินชีวิตอย่างลำบากก็คือ ตัวลูก เพราะถูกสั่งสมความคิดในเรื่องวัตถุ อย่างเต็มที่ ตอนนี้ ยังไม่สายหรอกค่ะ
ที่แม่ลูกจะหันกลับมาจับเข่าคุย ปรับความเข้าใจกัน และทำให้ลูกรู้ให้ได้ว่า
"ถึงไม่มี ก็ดีได้" นั้นเป็นอย่างไร
สำหรับลูกๆ ทั้งหลายที่ยังคงมีคามคิดว่า "แม่ไม่รัก"
จงรู้เถิดค่ะว่า ไม่มีใครไม่รักสิ่งที่เธอเฝ้าทะนุถนอมมาตลอดดเวลา เก้าเดือนหรอกนะคะ แม่ไม่ได้ต้องการให้ลูกเป็นคนเก่ง แต่แม่เพียงแค่หวังให้ลูกเป็นคนดี
สำนึกอย่างนี้ ต้องมีในลูกทุกคน เมื่อใดก็ตามที่ลูกมีความสุึข
แม่ก็จะสุขกว่าหลายเท่า และเมื่อใดที่ลูกมีความทุกข์ แม่จะทุกข์กว่าเราหลายเท่า
ขอให้รู้เถิดค่ะว่า แม่ทุกคนรักลูก
อยู่ที่ว่า แม่จะแสดงความรักอย่างไร