หลวงปู่จันทา ถาวโร เมื่อก่อนท่านนั้นยังไม่ได้ ใฝ่ฝันในการบวช ได้แต่เห็นพระตามสถานที่ต่าง ๆ นั้น ก็มีใจยินดีอยู่ แต่ยังไม่คิดว่าอยากจะบวช ต่อ เมื่อได้สร้างโลก (มีครอบครัว) จบสิ้นลงไปแล้ว ทีนี้ ก็เลยคิดอยากจะออกบวช ทั้งนี้เพราะมีความคิดถึง ผู้บังเกิดเกล้าเหล่ามารดาบิดาผู้มีพระคุณอย่างสุด ยิ่ง คิดว่าจะบวชบำเพ็ญบุญอุทิศไปให้ท่าน เพราะ นักปราชญ์ทั้งหลายพูดว่า จะทำอะไรเพื่อทดแทน บุญคุณของบิดามารดานั้น ทำได้แสนยากนัก จะ ไปทำไร่ทำนาค้าขายหารายได้จากสิ่งเหล่านั้นมา ตอบแทนก็ไม่สมดุลกับบุญคุณนั้น จะเอาบิดามารดา ขึ้นมานั่งบนบ่าถ่ายราดหนักเบา ให้ท่านอยู่เย็น สบายทั้งวันทั้งคืนก็ยังไม่สมดุลกับบุญคุณของท่าน
ปี ๒๔๙๐ ก็เลยได้ออกบวช ครั้นเมื่อออกบวชแล้ว ก็ตั้งใจบำเพ็ญสมณธรรมด้วยการเดินจงกรม ยืนภาวนา นั่งสมาธิ ไหว้พระสวดมนต์ เสร็จแล้ว ๔ ทุ่ม ๕ ทุ่ม ก็ อุทิศส่วนกุศลไปให้ทุกวันว่า “แม่ข้าพเจ้าชื่อว่า นาง เลี่ยม ชมภูวิเศษ ตายแล้วไปตกอยู่สถานที่ใดหนอ เป็นสุขหรือทุกข์ประการใด? ขอบุญกุศลส่วนนี้จง ไปถึง และช่วยเหลือให้พ้นจากสถานที่ทุกข์ร้อน ด้วยเถิด”
ในสมัยหนึ่งได้ไปภาวนาอยู่ที่วัดป่าหนองแซง วันนั้นทำความเพียรอย่างหนัก ไม่ฉันอาหาร เดิน จงกรมวันยังค่ำ พอค่ำมาก็เข้าที่ นั่งสมาธิตลอดทั้ง คืน ไม่ยอมนอน พอล่วงไปถึง ๔ ทุ่ม ความทุกข์ เกิดขึ้น ความร้อนเกิดขึ้น จนถึงเที่ยงคืนจึงดับพอ ตี ๑ ความร้อนแสบเย็นเกิดขึ้นอีกเป็นระยะ ๆ จน กระทั่งแจ้งเป็นวันใหม่ นั่งอยู่อย่างนั้น ไม่กระดุก กระดิก
“มาทำอะไรกันมากมายเช่นนี้?” เขาก็ตอบว่า “ได้ทราบข่าวว่าท่านมาบวชใน ศาสนาแล้ว จึงมาขอรับส่วนบุญ ขอท่านจงแบ่ง ส่วนบุญให้ด้วย เพราะท่านเมื่อสมัยที่เป็นฆราวาส นั้นได้ฆ่าพวกข้าพเจ้ากินเป็นอาหาร ฉะนั้น ถ้าไม่ แบ่งส่วนบุญให้ จะขอจองเวรจองกรรมนะ ขอให้ เป็นผู้ได้ประสบพบปะแต่เหตุเภทร้าย อายุสั้นพลัน ตาย ประกอบด้วยโรคภัยนานาชนิดไม่มีวันจบสิ้น”
เขาก็ว่า “ดีแล้ว นับว่าเป็นโชคลาภอันดี จะได้มี โอกาสไปเกิดเป็นมนุษย์ เพราะภพชาติของพวกข้าพเจ้า นี้ต่ำช้าลามก ไม่มีอิทธิพลใด ๆ ทั้งสิ้น” ก็เลยอุทิศส่วนบุญไปให้อย่างนั้นไม่ลดละ จน กระทั่งอายุพรรษาล่วงมาได้ ๒๐ พรรษา ไม่พบเห็นสัตว์ เหล่านั้นมาหาอีกเลย จึงได้ไปกราบเรียนถามหลวงปู่บัว ท่านก็ว่า “ผมเองก็เหมือนกัน เมื่อภาวนาจน จิตสงบลงไปแล้ว จะเห็นฝูงสัตว์ทั้งหลายมากัน สนั่นหวั่นไหว หลั่งไหลมาขอรับส่วนบุญ เมื่ออุทิศ ให้แล้ว เขาก็รับ แล้วก็ไปเกิดเป็นมนุษย์ เขาไม่มา จองเวรจองกรรมอีกต่อไป เพราะเขาเห็นว่าภพชาติ สังขารของเขานั้นมันต่ำช้าลามก ไม่เหมือนกับ พวกมนุษย์ มนุษย์เป็นภพชาติสูงส่งยิ่งกว่าใด ๆ ทั้งหมด สามารถทำคุณงามความดีได้ยิ่งเลิศและ ประเสริฐทุกอย่าง”
ทีนี้เรื่องการอุทิศส่วนบุญไปให้แม่นั้น พออายุ พรรษาล่วงมาได้ ๒๕ พรรษา แม่ก็พ้นจากนรกมืดมิด มาเกิดกับหลานสาว พออายุได้ ๒ ปี ก็พูดจาได้ความ รู้เรื่อง แม่ยายเขาเรียกใช้ว่า “อีหล้า” ไปหยิบของมาให้ แม่หน่อย” “มึงอย่ามาเรียกกูว่า อีหล้า กูเป็นแม่มึงนะ” “เป็นแม่ได้อย่างไร? เพิ่งเกิดมาได้ ๒ ปี” “สมบัติร่างกายนี้ไม่ใช่แม่หรอก เป็นหลาน แต่ ว่าใจของฉันนั้นเป็นแม่ของพวกท่าน” นั่นแหละเขาก็เลยมานิมนต์ให้ไปซักไซร้ไต่ถามดู ก็เลยได้ความว่า เคยเป็นแม่ในชาติก่อน เมื่อถามว่า เป็นแม่นั้นมีบุตรกี่คน เขาก็ตอบได้ว่า มีบุตร ๖ คน คนที่ ๑, ๒, ๓, ๔, ๕ และ ๖ เขาก็ไล่ชื่อเสียงเรียงนามได้ทั้งหมด รวมทั้ง สามี ภรรยา ญาติมิตรสายโลหิต ปู่ ย่า ตา ยาย เพื่อนบ้าน เขาบอกได้ถูกต้องทุกอย่าง ตลอดจน เรื่องเรือกสวนไร่นานั้น ก็บอกได้ถูกต้อง รวมทั้ง หลักฐาน เครื่องหมายต่าง ๆ ก็บอกได้ไม่ผิด แต่ แล้วก็ยังไม่ลงเอยกันนะ จึงได้ถามเขาต่อไปอีกว่า
เขาว่า “ได้รับ ได้รับแต่ตอนกลางคืน ๕ ทุ่ม ได้ รับทุกคืน แต่ตอนเช้าไม่ได้รับ ไปอยู่ที่ไหนเล่า?” เขา ต่อว่ากลับมาอีก “โอ๋...ตอนเช้าหลวงพ่อทำบุญน้อย พอตี ๒ ก็ลุก ขึ้นมาทุกวัน แล้วนั่งสมาธิตั้งแต่นั้นไป จนกระทั่งรุ่งเช้า ของวันใหม่ แล้วก็สวดมนต์ทำวัตรเช้า จากนั้นก็ไปทำ กิจวัตร จึงไม่ได้อุทิศส่วนบุญไปให้ อุทิศให้เฉพาะตอน เย็น เพราะตอนเย็น เดินจงกรมตั้งแต่ ๖ โมงเย็นไป จนถึง ๕ ทุ่ม ทุกวัน แล้วก็หยุดยืน นั่งสมาธิ ไหว้พระ สวดมนต์อุทิศส่วนบุญไปให้ เพราะตอนเย็นนั้นได้บำเพ็ญ บุญมาก” เขาว่า “ถ้าได้ทั้งเช้าและเย็น ก็คงจะพ้นจากนรก มืดได้เร็วกว่านี้” ก็เลยถามเขาต่อไปว่า “ไปอยู่ในนรกมืดนั้นเป็น อย่างไร?” เขาก็ว่า “เมื่อขาดใจแล้ว นายนิริยบาลมาคุมตัว ไปฝากไว้ในนรกมืด ไม่มีแสงสว่างเลย มืดทั้งวันคืน ไม่ได้เห็นแสงพระอาทิตย์ พระจันทร์เลย” “ในนรกมีคนมากเท่าไหร่?” “โอ๋...ดวงวิญญาณในนรกมืดนั้นแน่นขนัด อัดแอ กันอยู่เหมือนข้าวสารยัดกระสอบนั่นแหละ” ทีนี้เมื่อพวกท่านอุทิศส่วนบุญไปให้ จ่ายมบาลก็ว่า “นางเลี่ยม ชมภูวิเศษ จงมารับเอาส่วนบุญที่ลูก บวชในศาสนาอุทิศมาให้ทุกวันคืน” นั่นแหละฉันก็ดีใจ เมื่อรับเอาบุญทุกวันคืน ตั้งแต่ ปี ๒๔๙๐ ไปถึง ๒๕ พรรษา ก็เลยพ้นจากกรรมชั่วช้า ลามกทั้งหลายทั้งปวงนั้น มาอยู่เหนืออำนาจการบังคับ ของจ่ายมบาล เพราะอำนาจของบุญนั้นตัดกระแสของ บาปกรรมในนรกออกได้ เขาก็ปล่อยไปตามเรื่อง หมด กรรมเวรแล้ว ขอแม่เจ้าจงไปตามเรื่องเถิด จงไปเกิดที่ เมืองมนุษย์ แล้วเขาก็เปิดประตูเหล็กให้ เสียงประตูดัง สนั่นเหมือนฟ้าร้อง ได้เห็นแสงพระอาทิตย์สว่างจ้าก็ดีใจ แล้วก็หันหน้าไปร้องบอกลาพวกที่ยังอยู่ในนรกว่า “พี่น้องทั้งหลาย ฉันขอลาไปเกิดเมืองมนุษย์ก่อน นะ” พวกที่เหลืออยู่ก็ร้องไห้กันดังสนั่นหวั่นไหว เหมือนอึ่งอ่างในฤดูฝน ไปไหนไม่ได้ เพราะบาป กรรมรึงรัดผูกมัดไว้กับสถานที่นั้น บาปไม่อนุญาต ให้ไป เพราะยังไม่หมดเขตเวรกรรม
จากนั้นจ่ายมบาลก็ว่า “ขอให้ไปดี โชคแม่มี แล้ว เพราะได้ลูกเป็นนักปราชญ์ชาติเมธี ใจดีมี ศีลธรรม ออกบวชบำเพ็ญบุญส่งมาให้ก็ดีมาก นับ ว่าหาได้ยากในโลกนี้” ทีนี้ก็ย้อนมาถามพี่สาวบ้างว่า “ไม่ได้ทำบุญอุทิศ ไปให้แม่บ้างหรือ?” พี่สาวก็ว่า ทำ ๓ ครั้ง น้าสาว (น้องแม่) เขา คิดถึงพี่สาว เขาก็เลยพาหลานสาวทำบุญอุทิศไปให้แม่ ทำถึง ๓ ครั้ง “ทำอย่างไรเล่า?” น้าสาวพาทำบุญใส่เหล้าลงไปครั้งละโหลนะ ครั้ง ละโหลไหใหญ่ ๆ ฝังไว้ในป่าสับปะรด ป่ากล้วย ฆ่าวัว ฆ่าควาย สมัยนั้นวัวควายราคาถูก ทำบุญแต่ละครั้ง หมดวัวควายไป ๔-๕ ตัว ตัวละ ๑๐ สลึงก็มี ตัวละ ๖ สลึงก็มี บาทหนึ่งก็มี ๕๐ สตางค์ก็มี สมัยนั้นวัว ควายไม่มีราคา “แล้วพระที่ไปทำบุญด้วยนั้น มีการประพฤติ ปฏิบัติอย่างไร?” “โอ๋...พระเหล่านั้น กินข้าวแลงแกงร้อน (กินข้าว มื้อเย็น) เล่นสีกงสีกานารี ขุดดิน ฟันไม้ ถือเงินบาย ทอง (ใช้จ่ายเงินทองเยี่ยงฆราวาส) และที่วัดนั้นก็มี หมาพรานอยู่คู่หนึ่ง เย็นค่ำขึ้นมาก็พาหมาเข้าไปล่าสัตว์ อีเห็น กระต่าย ได้มาก็เอามาทำอาหารกิน กินเหล้า กินยาต่าง ๆ นานา” ถ้าทำบุญอย่างนั้นก็ไม่ได้บุญหรอก ถึงจะอุทิศ ไปให้ก็ไม่ได้รับหรอก เหตุที่อุทิศให้ไม่ถึงก็เพราะ ๑. ฆ่าวัว ฆ่าควาย กรรมของสัตว์นั้นไปขวางไว้ ๒. ผู้รับทานนั้น เป็นพระทุศีล พระทุศีล อุทิศ ให้ไม่ถึงนะ เพราะเครื่องส่งคือศีลนั้นมันขาด ขาดศีล เป็นเครื่องส่งบุญ แม้ตัวพระเองก็ไม่ได้รับ เพราะมีแต่ บาป จะรับไทยทานส่งไปให้ผู้อยู่โลกหน้าก็ไม่ถึงทั้งนั้น นั่นแหละ เรื่องการบวชใช้หนี้แทนสินพ่อแม่ผู้ บังเกิดเกล้า ก็จบสิ้นบริบูรณ์ทุกอย่างแล้ว ก็เบาใจ เบา กาย นี่แหละ เรื่องการบวชก็ต้องมีเครื่องยึดเครื่องอยาก ได้ มันจึงจะบวชได้ ยึดอยากได้สวรรค์นิพพาน มันจึง พอใจออกบวชได้ นอกนั้นไม่มี
ท่านที่สนใจ สั่งซื้อหนังสือ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติอได้ที่
ไตรลักษณ์ ศูนย์หนังสือพระพุทธศาสนา ริมกำแพงวัดญาณเวศกวัน
E-mail : trilak_books@yahoo.com
โทร. 086-461-8505,02-482-7358