ก่อนอื่นเรามารู้จักหน้าที่ของน้ำกันก่อน
• ช่วยย่อยอาหารและดูดซึมอาหาร
• ช่วยขับถ่ายของเสียออกจากลำไส้และไต
• ควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย
• หล่อลื่นข้อต่อและเนื้อเยื่อ
• เลือดประกอบด้วยน้ำประมาณ 92 %
• เลือดคือระบบขนส่งในร่างกายที่ส่งอาหารไปให้ทั่วร่างกาย
• น้ำต่างๆในร่างกาย เช่น น้ำลายและน้ำย่อยประกอบด้วยน้ำเป็นส่วนใหญ่
ในภาวะปกติ น้ำหนักร่างกายของเราประกอบด้วยน้ำหนักของน้ำ 55-75%
• ร่างกายต้องการน้ำประมาณ 1.5-2 ลิตรต่อวัน เพื่อให้ระบบต่างๆทำหน้าที่ได้ดีที่สุด
• การหายใจออก เหงื่อที่ออกมา และการขับถ่ายทำให้สูญเสียน้ำ 1.5 ลิตรต่อวัน
• การออกแรงทำกิจกรรมหนึ่งชั่วโมงต้องดื่มน้ำชดเชย 1-3 แก้ว
• ช่วงที่อากาศร้อน การเสียเหงื่อ ยิ่งทำให้ร่างกายต้องการน้ำมากขึ้นเพื่อควบคุมอุณหภูมิของร่างกายและทำให้รู้สึกเย็น
• ช่วงอากาศเย็นร่างกายสูญเสียความชื้นมากขึ้นเมื่อหายใจออก
• คุณต้องการน้ำเพิ่มประมาณ ½ ลิตร ต่ออุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น 1 องศา
การเก็บน้ำในร่างกาย
ยิ่งดื่มน้ำน้อยเท่าไหร่ ร่างกายคุณก็พยายามสะสมน้ำไว้ใช้ภายหลังมากขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิดการกักเก็บน้ำไว้จนอาจทำให้ร่างกายมีอาการบวมน้ำ และเป็นสาเหตุที่ทำให้ดูอ้วนขึ้น
น้ำช่วยลดความอยากอาหารลงได้ ^^ (สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก)
การขาดน้ำอาจส่งผลให้ร่างกายของเราอยากรับประทานอาหารมากขึ้น เพราะสมองแยกไม่ออกระหว่างความหิวและความกระหายดังนั้นเมื่อคุณรู้สึกหิว มีโอกาสเป็นไปได้ว่าร่างกายของคุณกำลังต้องการน้ำ ฉะนั้นจงดื่มน้ำแก้วใหญ่ ๆ ก่อนการรับประทานอาหาร โดยส่วนใหญ่แล้วคุณจะพบว่าวิธีนี้จะทำให้คุณรู้สึกสบายขึ้นจากอาการที่คุณรู้สึกหิว
การดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว จะช่วยให้ปริมาณไขมันในร่างกายลดลง และคุณต้องเพิ่มปริมาณน้ำอีก 0.5 ลิตร ต่อทุก ๆ 10 กิโลกรัมของน้ำหนักตัวที่คุณต้องการลดอาจเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ ที่น้ำจะเป็นสิ่งสำคัญที่มีส่วนช่วยในการดูแลรูปลักษณ์ แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะต้องดื่มน้ำเพราะความจำเป็น แต่ในความเป็นจริง น้ำ เป็น “อาหารอันวิเศษ” ที่ช่วยในการดูแลรูปลักษณ์อย่างถาวร
น้ำจะช่วยในการระงับความอยากอาหาร และช่วยร่างกายเร่งการเผาผลาญไขมัน จากรายงานการวิจัยพบว่า การดื่มน้ำน้อยจะเป็นสาเหตุให้เกิดการสะสมของไขมันมากขึ้น หากดื่มน้ำมากจะช่วยในการลดการสะสมของไขมันลงได้
...........................................................................................................
การดื่มน้ำบำบัดโรค
น้ำถือว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักของชีวิตเรา เฉกเช่นเดียวกับอาหารที่ต้องรับประทานเพื่อการดำรงอยู่ แต่จะดื่มอย่างไรถึงจะทำให้มีสุขภาพดีด้วย มาลองอ่านกันนะคะ
การดื่มน้ำมากๆ จะทำให้อายุยืน ยิ่งถ้าพบว่าผิวหนังแห้ง ไม่ชุ่มชื้น ตาแห้ง มีกลิ่นปาก ท้องผูก เป็นริดสีดวงทวาร นั่นแสดงว่า ร่างกายของคุณกำลังขาดน้ำอย่างยิ่งเชียว
เทคนิคในการดื่มน้ำเพื่อสุขภาพ
ถ้าดื่มในช่วงพระอาทิตย์ยังไม่พ้นขอบฟ้า ต้องดื่มน้ำอุ่น.... แต่ถ้าพระอาทิตย์พ้นขอบฟ้าแล้ว ให้ดื่มน้ำเย็นค่ะ
เป็นการกลับคืนสู่ธรรมชาติที่มนุษย์ทุกคนหลงลืมอิทธิพล ของพระอาทิตย์-พระจันทร์มานาน ถ้าทำได้ดังที่ว่านั้น เค้าบอกว่าประโยชน์จะเกิดขึ้นกับร่างกายของคุณอย่างเห็นได้ชัด เพราะการดื่มน้ำ สามารถทำลาย เชื้อแบคทีเรียได้ ทำให้โอกาสในการเป็นโรคภูมิแพ้ต่ำ สามารถล้างคราบไขมันตามลำคอ และล้างลำไส้ที่มีความยาว ๑๒ เมตรของมนุษย์ได้
มาดื่มน้ำเพื่อสุขภาพที่ดีกันเถอะ
ร่างกายของคนเราต้องดูแลรักษาทำความสะอาดอยู่เสมอ เช่นเดียวกับเครื่องใช้ไม้สอย รถยนต์ ฯลฯ เพื่อให้อยู่ในสภาพที่ดีสามารถใช้งานไปได้นานๆ การอาบน้ำ เป็นการทำความสะอาดร่างกายภายนอก การดื่มน้ำที่ถูกหลัก ก็คือการทำความสะอาดชำระล้าง อวัยวะภายในของร่างกาย
ในส่วนประกอบทั้งหมดของร่างกาย มีส่วนที่เป็นของเหลว 3 ใน 4 ส่วนคิดเป็น 85% ของน้ำหนักในตัวคน น้ำอยู่ในทุกส่วนที่เป็นของแข็ง เช่น กระดูก เล็บ ฟัน เส้นผม น้ำยังรวมอยู่ในของเสียที่ร่างกายขับออกมา เช่น อุจจาระ ปัสสวะ เหงื่อ น้ำมูก น้ำลาย นั่นก็คือ ร่างกายมนุษย์มีน้ำเป็นส่วนประกอบสำคัญแม้แต่ในส่วนที่เล็กที่สุด
ชีวิตของคนเรา อาจขาดอาหารได้นานนับเดือนแต่จะขาดน้ำได้เพียง 3-7 วันเท่านั้น ฉะนั้นน้ำมีความสำคัญยิ่งต่อร่างกาย และการดำรงชีวิตอยู่ของมนุษย์รวมทั้งสิ่งมีชีวิตทุกอย่าง ร่างกายของคนปกติธรรมดา ต้องการน้ำในชีวิตประจำวันประมาณ 10 แก้ว ใน 1 วัน ส่วนคนที่สูญเสียน้ำในร่างกายมากในวันหนึ่งๆ เช่นนักกีฬา ผู้ที่ทำงานกลางแดด กรรมกรงานหนัก ต้องเสียเหงื่อจำนวนมาก ย่อมต้องการน้ำมากกว่าคนธรรมดา
ผู้คนเป็นจำนวนมากไม่เห็นความสำคัญของการดื่มน้ำ มักดื่มในเวลาคอแห้งหรือกระหายน้ำมากๆ เท่านั้น บางท่านดื่มน้ำอย่างไม่ถูกต้อง ซึ่งเป็นผลเสียต่อสุขภาพมาก
การดื่มน้ำไม่พอเกิดผลเสียกับสุขภาพดังนี้
โลหิตข้น การไหลเวียนของโลหิตลำบาก หัวใจต้องทำงานหนักในการสูบฉีด ทำให้เหนื่อยง่าย เมื่อยล้าหัวใจ อ่อนเพลีย บางครั้งหน้ามืด โลหิตสูบฉีดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ ลมหายใจร้อนไม่สดชื่น นัยน์ตาแห้งขาดน้ำหล่อเลี้ยง ใบหน้าร้อนผ่าวมักเกิดจากอาการร้อนในบ่อยๆ เยื่อบุผนัง ภายในอักเสบ น้ำลายมีรสเปรี้ยว มีกลิ่นแรง เจ็บลิ้น ลิ้นเป็นฝ้าสีเหลืองหนา ริมฝีปากแห้งแตก ผิวหนังหยาบไม่ชุ่มชื้นสดใส การขับถ่ายของเสียไม่สะดวก เช่นท้องผูก ถ่ายลำบาก ปัสสาวะติดขัด มีสีเหลืองเข้ม เป็นเหตุให้ไตพิการ ไตวาย เกิดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ อุณหภูมิในร่างกายสูง เหงื่อน้อย ตัวเหนียว มีกลิ่นตัวแรง อาการดังกล่าวบ่งบอกถึงการที่ร่างกายได้รับน้ำไม่เพียงพอ
ผลดีจากการดื่มน้ำที่เพียงพอและถูกหลัก
โลหิตเหลวไม่ข้น การไหลเวียนเป็นไปได้ง่าย สูบฉีดดี หัวใจไม่ทำงานหนัก ไม่เมื่อยล้า ไม่เหนื่อยง่าย ร่างกายทำงานเป็นปกติ มีประสิทธิภาพที่ดีแข็งแรง ลมหายใจสดชื่น หายใจโล่งเย็น นัยน์ตาสดใส เป็นประกายมีน้ำหล่อเลี้ยงแวววาว ไม่มีเส้นเลือดแดงกล่ำ ไม่แสบตา ไม่ร้อนใน ปากและลิ้นสะอาด ผิวกายใบหน้า ชุ่มชื้นเต่งตึง เป็นสีชมพูของเลือดสี การขับถ่ายของเสียสะดวก ไม่ท้องผูก ปัสสาวะใส สะอาด ไม่ปวดหลัง และบั้นเอว สุขภาพไตดี น้ำจะช่วยปรับอุณหภูมิของร่างกายให้ปกติ รูขุมขนมีเหงื่อชุ่มเย็นสบาย
การดื่มน้ำให้ถูกต้องเพื่อสุขภาพที่ดี
มีหลักปฏิบัติที่จดจำง่าย ดังนี้
1. น้ำที่ดื่ม เป็นน้ำธรรมดาไม่เป็นน้ำร้อนมากหรือน้ำเย็นจัด ถ้าเป็นน้ำอุ่นเล็กน้อย ดื่มในตอนเช้าจะทำให้การขับถ่ายดีขึ้น ลำไส้สะอาด
2. ระยะเวลาที่ดื่มน้ำในหนึ่งวัน
ตื่นนอนตอนเช้า ดื่มน้ำ 1 แก้ว
ตอนสายดื่มน้ำอีก 2 แก้ว ประมาณ 9.00-10.00
ตอนบ่ายดื่ม3 แก้ว ประมาณ 13.00-14.00
ตอนเย็น ดื่ม 3 แก้ว ประมาณ 19.00-20.00
ก่อนเข้านอน ดื่มน้ำ1 แก้ว เพื่อให้น้ำที่ดื่มไหลเวียนชะล้างสิ่งตกค้างในลำไส้และกระเพาะอาหาร ถ้าเป็นน้ำอุ่นจะช่วยให้หลับสบายขึ้น รวมแล้วสามารถดื่มน้ำเปล่าได้
วันละ 10 แก้ว
- ไม่จำเป็นต้องดื่มน้ำ 2-3 แก้วติดต่อกันทันที ดื่มตามปกติ สบายๆ ผู้ที่ดื่มครั้งแรกๆจะรู้สึกคลื่นไส้นิดหน่อยเป็นอาการปกติ ธรรมดา ทั้งนี้เพราะผนังลำไส้และกระเพาะ อาหารขยายตัวขึ้น ต่อไปจะไม่มีอาการอีก สามารถดื่มได้ง่ายและเกิดความชื่นชอบ รู้สึกสดชื่นสบายที่ได้ดื่มน้ำมากๆ
- เมื่อดื่มน้ำไปสักครู่หนึ่ง จะปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะครั้งแรกจะมีสีเหลืองข้นนุ่นกลิ่นฉุน เนื่องจากน้ำได้ไปชะล้างไตให้สะอาด ไตเป็นเสมือนเครื่องกรองน้ำของร่างกาย
- อย่าดื่มน้ำมากก่อนที่จะรับประทานอาหาร และหลังรับประทานอาหารใหม่ๆไม่ควรดื่มน้ำมากๆทันที
- การรับประทานอาหารพร้อมกับน้ำดื่มตลอดเวลาเป็นนิสัยที่ควรเลิกหากรู้สึกฝืดคอในขณะที่รับประทานอาหารให้ซดน้ำซุปแกงจืดแทน การดื่มน้ำมากระหว่างรับประทานอาหาร ทั้งก่อนและหลังอาหารทันทีจะทำให้น้ำย่อยในกระเพาะอาหารเจือจาง การย่อยเป็นไปได้ไม่ดี
- ไม่ควรรับประทานอาหารแต่ละมื้อจนอื่มแน่นท้องเกินไป ควรให้อิ่มพอดีแล้วรับประทานผลไม่สดจะทำให้สะอาดคอแล้วจิบน้ำตามนิดหน่อยท่านจะรู้สึกสบายท้อง หลังจากนั้นสักครึ่งชั่วโมงจึงดื่มน้ำตามปกติ หากท่านได้ดื่มน้ำให้ถูกหลักเช่นนี้เป็นประจำ จะเป็นผู้ที่มีสุขภาพอนามัยดี ร่างกายสดชื่น กระปี้กระเปร่า แข็งแรง สามารถประกอบภารกิจการงานได้ดียิ่งๆขึ้น
วิธีดื่มน้ำรักษาโรคต่างๆ
ในเร็วๆนี้มีคนมากมายส่งเสริมวิธีดื่มน้ำ เพื่อให้ร่างกายมีสุขภาพสมบูรณ์ ชีวิตที่ดำรงอยู่ได้นอกจากอากาศบริสุทธิ์ก็คือน้ำ น้ำหนักตัวของคนเรา 2 ใน 3 ส่วน เป็นน้ำ จึงมีคนว่า คนประกอบด้วยน้ำอันที่จริงน้ำสามารถปรับอุณหภูมิในร่างกายของคนได้ สามารถทำให้ไต ทำงานเป็นปกติ ขับถ่ายสิ่งสกปรก ให้ออกจากร่างกาย ได้ จึงมีการแนะนำกันว่าให้ดื่มน้ำบ่อยๆ
วิธีดื่มน้ำรักษาโรคต่างๆตามที่ได้ทดสอบมาแล้วได้ผล ตื่นเช้าลุกขึ้นไม่ล้างหน้า ไม่บ้วนปาก ให้ดื่มน้ำสุก 5 แก้วรวดเดียว (ค่อยๆดื่มทีละแก้ว) จะรู้สึกอึดอัดเหนื่อยไปหน่อยหลังจากนั้นจะปัสสาวะบ่อย การปฏิบัติยากลำบากเช่นนี้ หากผู้ที่ไม่มีความเชื่อมั่นจะเลิกกลางครัน ผู้ที่ใช้สมองทั้งวันทั้งคืน ในธุรกิจการค้า หาเวลาว่างไปออกกำลังกายไม่ได้ ทุกเช้าควรปฏิบัติ ดื่มน้ำรักษาโรคแทนการออกกำลังกายเชื่อมั่นว่าจะต้องปราศจากโรค นี้เป็นวิธีการดื่มน้ำรักษาโรคของจีน วิธีดื่มน้ำรักษาโรคต่างๆได้เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ แต่ความเป็นจริงได้ผลอย่างนี้แน่นอน เนื่องจากทำให้ลำไส้ใหญ่ผลิตโลหิตใหม่ขึ้นมาใหม่ ซึ่งโลหิตไม่นี้ผลิตใหม่จากฝอยคล้ายสักหลาดที่อยู่ในลำไส้ใหญ่ดูดธาตุต่างๆจากอาหารต่างๆผลิตให้เป็นเม็ดโลหิตคนบางส่วน เนื่องจากลำไส้เคลื่อนไหวไม่เต็มที่ เป็นเหตุให้โลหิตจาง มีอาการรู้สึกอ่อนเพลีย และเป็นโรค รักษายาก ลำไส้ของผู้ใหญ่ยาว 8 เมตร ทำหน้าที่ดูดธาตุต่างๆจากอาหาร ถ้าลำไส้สะอาดอาหารที่ได้รับประทานเข้าไปผ่านการย่อยแล้วดูดไปผลิตให้เป็นโลหิตใหม่เป็นการเร่งให้เกิดพลังงานในร่างกายให้สมบูรณ์ขึ้น โรคต่างๆจะหายไปเองอายุก็จะยั่งยืน
มหาวิทยาลัยของมณฑลต่างๆในประเทศจีน ได้ผ่านการทดลองได้ประกาศเปิดเผยให้ทราบโดยทั่วกัน วิธีดื่มน้ำรักษาโรคสามารถรักษาโรคได้ดังต่อไปนี้ ท้องผูก ปวดหัว เวียนศรีษะ โลหิตจาง โรคประสาท ความดันสูง อัมพาต ทั้งกาย เป็นลม ปากเบี้ยว โรคปวดตามข้อ โรคอ้วนพี ปวดในกระดูกเส้นเอ็น ปวดเมื่อย หูอื้อ ใจเต้น มือเท้าอ่อนเพลีย โรคไต โรคหืด โรคหอบ หลอดลมอักเสบ วัณโรค เยื่อสมองอักเสบ โรคตับ โรคไต โรคนิ่ว กรดเปรี้ยวในกระเพาะ กระเพาะอืด กระเพาะอาหารเป็นแผลเน่าเรื้อรัง โรคบิด โรคริดสีดวงทวาร โรคเบาหวาน สายตาอ่อน โรคตาต่างๆ ตาออกเลือด สตรีประจำเดือนมาไม่ปกติ จมูกอักเสบ เจ็บคอ
วารีบำบัด หรือการบำบัดด้วยสายน้ำ
เทคนิคการใช้น้ำในการบำบัดรักษา พลังจากน้ำร้อนและน้ำเย็น
น้ำทำงานได้ทั้งในรูปแบบที่ง่ายๆ ธรรมดา ใช้อย่างตรงหรืออาจทำงานอย่างสลับซับซ้อน และใช้ในทางอ้อม ความสามารถพิเศษของน้ำในการบำบัดรักษา คือเราสามารถใช้งานได้ทั้งในสถานะที่เป็นของเเข็ง ของเหลว และก๊าซ การใช้น้ำเพื่อส่งเสริมสุขภาพและบำบัดโรค ได้ประโยชน์จากผลของความร้อนและความเย็น และความชื้นที่มีต่อร่างกายในการกระตุ้นเร้า หรือผ่อนคลายร่างกายดังนี้ ความร้อน มีผลทำให้หลอดเลือดขยายตัว ผิวหนังแดง เหงื่อออก กล้ามเนื้อและเส้นประสาทจะถูกกระตุ้นและทำให้กระฉับกระเฉง เมื่อความร้อนที่สัมผัสหมดไป อาจจะส่งผลทำให้
กล้ามเนื้อและเส้นประสาทอ่อนล้า ซึมเซา ง่วงนอน เราจะไม่ใช้ความร้อนในการรักษาบำบัดอาการบาดเจ็บที่เลือดออก เพราะน้ำร้อนจะเพิ่มการไหลเวียนของเลือด และเพิ่มอาการอักเสบ อย่างไรก็ตามความร้อนทำให้ร่างกายรู้สึกสงบและสบาย ดังนั้นการใช้น้ำร้อนในระยะเวลาอันสั้นหรือระยะเวลานาน นอกจากจะช่วยให้กล้ามเนื้อ ควายตัว หดตัวแล้ว ยังทำให้เกิดการผ่อนคลายอย่างดี
ความเย็นมีผลทำให้หลอดเลือดที่ผิวหนังหดตัว ผิวหนังซีด รู้สึกเย็น หนาวสั่นสะท้าน ชีพจรเต้นเร็วขึ้น แต่เมื่อความเย็นที่สัมผัสหมดไป จะทำให้หลอดเลือดที่ผิวหนังระดับตื้นขยายตัว ผิวหนังแดง รู้สึกอุ่นสบายและผ่อนคลาย ชีพจรเต้นช้าลง ตัวอย่างการใช้น้ำแข็งกับอาการบาดเจ็บ น้ำแข็งจะทำงานโดยทำให้หมดความรู้สึก นั่นคือช่วยลดความเจ็บปวด ทั้งยังช่วยลดการเคลื่อนไหวของของเหลวในบริเวณที่รักษา รวมถึงการสร้างปฎิกริยาในการตอบสนอง คือการควบคุมให้เลือดหยุดไหล
สำหรับน้ำอุ่นหรือน้ำที่อุณหภูมิปกติ ทำให้ร่างกายผ่อนคลาย สงบ สบาย และบางครั้งก็เป็นยาที่ทำให้ช่วยอาเจียนได้ดี หากเราดื่มน้ำอุ่นในปริมาณมากอย่างต่อเนื่อง หรือการใช้ความเย็นรักษาในระยะเวลาสั้นๆ เช่นการอาบน้ำฝักบัวเย็นที่บริเวณหัวใจ หรือการถูด้วยผ้าขนหนูที่หน้าอกอย่างลวกๆ จะช่วยเพิ่มความเเรงเเละอัตรการเต้นของหัวใจ หลังจากอาบหรือถูเสร็จแล้ว อัตราการเต้นของหัวใจจะค่อยๆลดลง ขณะที่ความแรงของการเต้นยังคงรักษาระดับที่เพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ยังพบว่า การใช้น้ำเย็นอย่างค่อยเป็นค่อยไปในระยะยาว ที่บริเวณระบบทางเดินอาหาร ตรงกึ่งกลางช่องท้อง จะช่วยเพิ่มการหลั่งของน้ำย่อยอาหาร
รูปแบบของวารีบำบัด
กายภาพบำบัด
นักกายภาพบำบัดจะให้ผู้ป่วยลงแช่ในน้ำอุ่น โดยน้ำจะประคองตัวผู้ป่วยไว้ ช่วยให้กล้ามเนื้อและข้อต่อผ่อนคลาย ความอุ่นของน้ำจะช่วยให้เส้นเลือดขยายตัว ทำให้มีออกซิเจนไปเลี้ยงมากขึ้น ช่วยให้ความเจ็บปวดหายเร็วขึ้น รูปแบบนี้ใช้ได้ดีกับผู้ป่วยที่มีกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือลีบลงเพราะไม่ได้ใช้งานหลังจากผ่าตัดได้รับบาดเจ็บหรือเป็นอัมพาต
การอาบเหงื่อหรืออบซาวน่า
เป็นวิธีการกระตุ้นการหมุนเวียนของเลือดได้ดี ช่วยกระตุ้นการทำงานของผิวหนัง กระตุ้นการหายใจ และทำให้ผ่อนคลาย หลับสนิท
การสูดไอน้ำ และอบไอน้ำ
มักใช้กับผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับปอด และมักใช้กับสมุนไพรหลายชนิด หากคัดจมูกและมีเสมหะ สามารถบำบัดได้การสูดไอน้ำ โดยผสมน้ำมันหอมยูคาลิปตัส หรือเมนทอลในน้ำ ผู้ที่เป็นสิว ไอน้ำจะช่วยเปิดรูขุมขน และทำให้เหงื่อออกเพื่อขับสารพิษออกมา การอบไอน้ำจะช่วยขจัดสารพิษและบรรเทาอาการปวดศรีษะได้ดี
การนั่งแช่น้ำ
นักบำบัดจะใช้วิธีนี้กับผู้ที่เป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ริดสีดองทวาร ท้องผูก แผลในทวารหนัก และโรคเกี่ยวกับระบบสืบพันธ์ โดยการนำอ่างอาบน้ำเด็กแบบมีที่นั่ง2 ใบ ใบหนึ่งใส่น้ำอุ่น อีกใบหนึ่งใส่น้ำเย็น ให้ผู้ป่วยนั่งแช่ในน้ำอุ่นที่มีน้ำท่วมสะโพกและท้องเป็นเวลานาน 3 นาที ขณะเดียวกันให้แช่เท้าในน้ำเย็น จากนั้นทำสลับกัน นั่งแช่ในน้ำเย็นนานหนึ่งนาที และเเช่เท้าในน้ำอุ่น ซึ่งวิธีนั้สามารถทำที่บ้านได้
นอกจากนี้การดื่มน้ำมากๆ หรือการดื่มน้ำแตงโมปั่นสดๆ น้ำต้มหนวดข้างโพด การกินมะละกอมากๆและดื่มน้ำลูกพรุน ก็จะช่วยบำบัดโรคดังกล่าวได้เช่นกัน
การฉีดน้ำ
ใช้แรงฉีดของน้ำร้อนหรือน้ำเย็น หรือสลับร้อนเย็น ฉีดให้ทั่วบริเวณที่ต้องการหรือทั่วตัว การฉีดน้ำบำบัดโรคได้หลายอย่าง เช่น โลหิตจาง ข้ออักเสบ เบาหวาน นิ่วในถุงน้ำดี หอบหืด และการประคบ นักบำบัดใช้การประคบร้อน เพื่อทำให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะที่มีการบวม เเละเพื่อกำจัดสารพิษออกไป เนื่องจากความร้อนทำให้เหงื่อออกและรูขุมขนเปิด โดยน้ำผ้าจุ่มในน้ำร้อน ที่กำลังดี ห่อบริเวณที่เจ็บ แล้วทิ้งไว้จนผ้าเย็น การประคบเย็นเพื่อทำให้หลอดเลือดหดตัว และบรรเทาอาการอักเสบ โดยนำผ้าจุ่มลงในน้ำเย็นจัด แล้วประคบส่วนที่อักเสบเป็นเวลานานหลาย
ชั่วโมง อาจจะใช้เข็มกลัดกลัดไว้ หรือใช้ผ้าพันทับบริเวณนั้น การประคบน้ำแข็งทำได้โดยใช้ผ้าห่อน้ำแข็งไว้ ควรใช้ในกรณีมีอาการบวมหรืออักเสบรุนแรง
การแช่หรืออาบ
การแช่น้ำอุ่น ควรแช่น้ำอุ่น อุณหภูมิ 38 องศาประมาณ20 นาที โดยแช่ให้น้ำท่วมไหล่ เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อบรรเทาปวด ทำให้เหงื่อออก วิธีนี้จะทำให้ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกายได้ดีในประวัติศาสตร์ของการอาบน้ำในยุคโรมัน มีการสร้างโรงอาบน้ำที่แวดล้อมด้วยบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติ อุณภูมิน้ำสูงถึง 46 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่อุ่นพอดีสำหรับการชะล้าง และการบำบัด ทางแถบเอเชีย ก็มีประเทศญี่ปุ่นที่มีวัฒนธรรมในการอาบนำแร่อุ่นที่ปนกันหญิงชาย เป็นวัฒนธรรมที่สืบเนื่องกันมาแต่อดีต อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะลงแช่น้ำ พวกเขาจะชำระล้างร่างกาย
ให้สะอาดเสียก่อน
การแช่น้ำเย็น ควรใช้อุณหภูมิ 16-20 องศา ช่วยลดอาการอักเสบ และกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ซึ่งทำให้มีออกซิเจนและสารอาหารที่ไปเลี้ยงร่างกายมากขึ้น การแช่น้ำนี้ ให้เพียงแต่แช่น้ำตื้นๆประมาณ 1-2 นาที แล้วเอาน้ำพรมร่างกายส่วนบน จากนั้นใช้ผ้าขนหนูถูตัวแรงๆจนตัวแดง ข้อห้ามสำหรับการแช่นำเย็นคือ ไม่นิยมใช้กับเด็ก คนแก่ หรือผู้เป็นโรคหัวใจ