กรรมฐานและฌานสมาบัติตามรอยพระพุทธองค์-โดยศรีศากยอโศก

หนังสือธรรมะเรื่อง กรรมฐานและฌานสมาบัติ ตามรอยพระพุทธองค์

(การตัดวิบากกรรมเก่าและสร้างอริยกุศล ด้วยกรรมฐานและฌานสมาบัติ)

โดย ศรีศากยอโศก

ขนาด 15.2*21.6

จำนวน 286 หน้า กระดาษถนอมสายตา

...............................................................

คำนำของหนังสือ เรื่อง กรรมฐานและฌานสมาบัติ

ในสมัยพุทธกาลก่อนที่พระพุทธศาสนา จะตั่งมั่นรุ่งเรืองแผ่ไพศาล

ในชมพูทวีปนั้น ได้ปรากฏเหล่าลัทธิความเชื่อนิกายต่างๆ อยู่เป็นจำนวนมาก

ในสมัยแห่งกาลใด ที่มีการสำแดง ภูมิปัญญาหักล้างกันระหว่างลัทธิ

ความเชื่อนิกายเล่านี้ ก็จะปรากฏมีมหาชนชุมนุมเนืองแน่นเพื่อสดับฟัง

การสำแดงภูมิปัญญาหักล้างกัน ลัทธิความเชื่อนิกายเหล่าใด ที่มีชัยเหนือ

ลัทธิความเช้าเหล่าอื่น ย่อมได้รับความศรัทธา เลื่อมใส่จากมหาชนเป็นอันมาก

พร้อมด้วยลาภ สักการะ สรรเสริญ อาการแสดงความเหนือชั้นแห่ง

ภูมิปัญญาของลัทธิ ความเชื่อนิกายทั้งหลายเหล่านั้นเป็นจำนวนมาก นอก

จากลัทธิความเชื่อที่สำแดงฤทธิอำนาจแล้ว คือ "การสำแดงโวหารหลัก

พรหมจรรย์อันแยบคาย" กล่าวคือ ลัทธิความเชื่อเหล่าใด สำแดงโวหาร

หลักพรหมจรรย์ได้แยบคายกว่า จนกระทั่งฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถโต้แย้งได้ 

นี้คือการสำแดงว่า มีภูมิปัญญาเหนือกว่า ถ้าพุทธศาสนิกชนทังหลาย

ยังลำดับภาพไม่กระจ่างแจ้ง ข้าพเจ้าขอแนะนำให้มองดูด้วยสัมมาทิฏฐิ

สัมมาสังกัปปะในปัจจุบันสมัยนี้ ย่อมเป็นเหตุให้ประจักษ์แจ้งในสมัยพุทธกาล

เช่นเดียวกัน

นับแต่งานวรรณกรรม เรื่องตามรอยพระพุทธประวัติได้แพร่

หลายออกไป ได้ปรากฎมหาชนจำนวนมากสอบถามเร่องการเจริญสมาธิภาวนา

หรือกรรมฐานภาวนาในแนวทางปฏิบัติของข้าพเจ้า ไม่ว่ามหาชน เหล่านั้น

จะสอบถามด้วยความปรารถนาเยี่ยงใดก็ตาม ข้าพเจ้าขออนุโมทนา ณ ที่แห่งนี้

ด้วยความเคารพอันยิ่ง เพราะเห็นเหตุให้ข้าพเจ้าประจักษณ์

ด้วยน้ำใจแห่งตนว่า "อะไรคือลัทธิวิปัสสนึกและอุปาทานของความว่าง" ที่ข้าพเจ้าพึงหลีกพ้น

พึงเจริญแต่ "สมถะและวิปัสสนาแห่งจิต ตามรอยพระศาสดาเจ้าในอภิญญาสูตร " เท่านั้น

งานเขียนเรื่อง "กรรมฐานภาวนาและฌานสมาบัติตามรอยพระพุทธองค์เล่มนี้ "

ข้าพเจ้าอาศัยพระไตรปิฎกเป็นที่พึ่ง อาศัยพระไตรปิฎก เป็นประทีป มีความศรัทธาเลื่อมใส

ไม่มีประมาณในสมเด็จพระบรมศาสดาแห่งบวรพระพุทธศาสนานับแต่กาลก่อนล่วงมาเป็น

อินทรีย์แห่งการลำดับความพร้อมกับบารมีแห่งธรรมเพียงธุลีดินอันข้าพเจ้าประจักษ์แจ้งแล้วด้วยการบำเพ็ญเพียรอย่างยิ่ง

โดยอาศัยความเมตตาไม่มีประมาณจากพระอริยเจาทั้งหลายที่ได้ล่วงลับไปแล้ว ได้แนะนำตามกาลอันควร กล่าวเยี่ยงนี้

ก็เพื่อแสดงความเคารพสักการบูาแด่พระอรยเจ้าเท่านั้น

มิได้ปรารถนาสำแดงฤทธิ์ปาฏิหาริย์เยี่ยงใด ท่านผู้อ่านพึงทบทวนคำอธิฐานวาระแห่ง

จิตของข้าพเจ้า ย่อมประจักษ์ แจ้งในบัดดล

ข้าพเจ้าพยายามหลีกเลี่ยงภาษาที่เข้าใจได้ยาก โดยเฉพาะวิถีแห่ง

พระอภิธรรมปิฎกซึ่งท่านผู้รักการศึกษาพึงค้นคว้าได้จากพระไตรปิฎกที่มีอยู่

แล้วมากมายเป็นที่พึ่งเถิด

ดูก่อน พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย เมื่อท่านได้เจริญสัมมาปฏิปทา คืออริยมรรค ๘ อันแสนประเสริฐแล้ว

ย่อมไม่มีลัทธิวิปัสสนึกเหล่าใดทำให้ดวงจิตของท่านสั่นไหวได้

แม้ังานเขียนของข้าพเจ้าก็เช่นกัน เพราะ ท่านทั้งหลายย่อมมี "สมถะ และวิปัสสนาแห่งจิต" ตามรอยพระศาสดาเจ้า โดยแท้

บัดนี้ ความสัตย์ของข้าพเจ้าที่ให้กับผู้สนใจงานเขียนของข้าพเจ้าได้

บรรลุผลลัพธ์แล้ว คือ "กรรมฐานภาวนาและฌานสมาบัติ ตามรอยพระพุทธองค์" ข้าพเจ้า

ขออนุโมทนาแด่หัวใจพระพุทธองค์ของท่านทั้งหลาย ณ โอกาสนี้ ด้วยความเคารพอันยิ่ง

ศรีศากยอโศก

.........................................................................